[Sound :KR /TH][Sub: EN/ TH]
##############################
หล่อ หรู ร้าย รัก (โรส มิเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์)
กำหนดฉาย : 16 เมษายน 2552 (ทุกโรงภาพยนต์ในเครือ SF เท่านั้น)
นำแสดง : จูจีฮุน, คิมแจอุก, แอนดี้ จิลเล็ท, ยูอาอิ, ชเวจีโฮ
เขียนบทและกำกับ : มินกูดอง
ผู้อำนวยการสร้างบริหาร : ริวจองฮุน, ลีเทฮุน
ผู้อำนวยการสร้าง : มิน จีนซู, ยูจีน ลี
เกี่ยวกับตัวภาพยนตร์
นี่คือภาพยนตร์ที่จะสานต่อความเป็นภาพยนตร์เกาหลีสุดฮิตโกยรายได้ตามแบบ ภาพยนตร์อย่าง OLD BOY, TAZZA: THE HIGH ROLLERS, 200 POUNDS BEAUTY และ LE GRAND CHEF สร้างจากหนังสือการ์ตูนขายดีของญี่ปุ่นเป็นเวลานานหลายปีแล้วที่วงการ ภาพยนตร์จอแก้วและจอเงิน ได้เห็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์ที่สร้างจากหนังสือการ์ตูน เริ่มต้นจากภาพยนตร์เรื่อง OLD BOY (2003) ที่ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชม เจ้าของรางวัล Grand Prix of the Jury ที่งานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ครั้งที่ 57 หนังสือการ์ตูนอีกหลายเรื่องได้กลายมาเป็นภาพยนตร์ฮิตโกยเงิน อาทิเช่น TAZZA: THE HIGH ROLLERS(2006), 200 POUNDS BEAUTY (2006) และ LE GRAND CHEF (2007) ยิ่งไปกว่านั้น บรรดาหนังซีรีส์ทางทีวีที่สร้างจากหนังสือการ์ตูน อาทิเช่น PRINCESS HOURS (2006, MBC TV Series), FULL HOUSE (2004, KBS TV Series), MONEY WAR (2007, SBS TV Series) และ SIK GAEK (2008, SBS TV Series) ได้สร้างกระแสความนิยมไปทั่วประเทศ ส่งให้เรตติ้งของซีรีส์เหล่านี้ พุ่งกระฉูดทะลุเพดาน เพื่อสานต่อความสำเร็จเหล่านี้ ANTIQUE ก็คือภาพยนตร์ที่สร้างจากหนังสือการ์ตูน
หนังสือการ์ตูนต้นเรื่องอันเป็นผลงานของฟูมิ โยชินางะ เรื่อง "ANTIQUE BAKERY" คือหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องที่ 3 ที่ถูกดัดแปลงมาขึ้นจอเงิน ตามหลังหนังสือการ์ตูนเรื่อง OLD BOY และ 200 POUNDS BEAUTY ในประเทศญี่ปุ่น หนังสือการ์ตูนเรื่อง "ANTIQUE BAKERY" ทำยอดขายไป 1.7 ล้านเล่ม และยังถูกนำไปสร้างเป็นซีรีส์ที่ฉายทางทีวี และซีรีส์ที่เป็นหนังการ์ตูนด้วย "ANTIQUE BAKERY" ซึ่งคว้ารางวัล Kodansha Manga Awards ในปี 2002 ไม่ใช่เป็นแค่หนังสือการ์ตูนยอดนิยมเท่านั้นแต่ยังเป็นผลงานศิลปะชิ้นเลิศ อีกด้วย ด้วยตัวละครที่มีเอกลักษณ์พลอตเรื่องได้โยงใยถึงกัน ด้วยธีมที่มีความแปลกใหม่เกี่ยวกับเค้กและการทำขนม เรื่องราวยังนำเสนอความกลมกลืนที่เข้ากันได้อย่างลงตัวของเสียงหัวเราะ และความอบอุ่นหัวใจตัวหนังสือการ์ตูน ต้นฉบับกลายเป็นหนังสือการ์ตูนแนวรักโรแมนติคที่ทำยอดขายอันดับ 1 ในเกาหลี จนมีฐานแฟนจำนวนมากมาย และในเดือนพฤศจิกายนคอภาพยนตร์ชาวเกาหลีก็ได้สัมผัสกับเรื่องราวที่มีความ โดดเด่นเรื่องนี้ รวมไปถึงจินตนาการที่แสนเฮฮาของ ANTIQUE บนจอภาพยนตร์
เรื่องต้นฉบับ
ANTIQUE BAKERY
"ANTIQUE BAKERY" คือผลงานมาสเตอร์พีซของ ฟูมิ โยชินางะ การ์ตูนเรื่องนี้ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกในฐานะการ์ตูนในหนังสือ การ์ตูนรายเดือน ของญี่ปุ่นชื่อ "Wings" ในปี 1999 หลังจากนั้นการ์ตูนเรื่องนี้ได้รับการตีพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือการ์ตูนสี่เล่ม
โย ชินางะ ซึ่งเป็นนักชิมอาหารได้นำความรู้ในเรื่องการทำขนม และอารมณ์เฉพาะตัวของเธอมาผสมผสานกัน เพื่อสร้างเป็นเรื่องราวดราม่าอบอุ่นหัวใจและเรื่องตลกเฮฮาที่ดูจริงใจใน"ANTIQUE BAKERY" ตัวละครหลักประกอบไปด้วย ทาชิบาน่า ลูกชายนักธุรกิจผู้ร่ำรวย, โอโนะ เชฟทำขนมอัจฉริยะที่มีเสน่ห์แบบเกย์, คันดะ ลูกมือทำขนมซึ่งอดีตเคยเป็นนักมวยระดับแชมเปี้ยน และชิคาเงะ บอดี้การ์ดที่ทำหน้าที่เป็นพนักงานเสิร์ฟด้วย
หนังสือการ์ตูนเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของสี่หนุ่มที่อดีตอันลึกลับของพวก เขาซุ่มซ่อนอยู่ภายในบรรยากาศอันแสนเริงรื่นของร้านแอนทีค เบเกอรี่ เมื่อกาลเวลาผ่านไป อดีตของพวกเขาค่อยๆ ถูกเผยออกมาทีละน้อย และรอยแผลที่เคยฝังลึกอยู่ภายในตัวละครแต่ละตัวเริ่มได้รับการเยียวยา หนังสือการ์ตูนเรื่องนี้ทำยอดขายไปกว่า 1.7 ล้านเล่ม และได้รับรางวัล Best Girls Comic Books Awards ที่งานประกาศรางวัล Kodansha Manga Awards ครั้งที่ 26 และในปี 2001 หนังสือการ์ตูนเรื่องนี้ได้ถูกนำไปสร้างเป็นซีรีส์ของญี่ปุ่นที่ออกอากาศทาง ช่องฟูจิ ทีวี และในปี 2008 ได้ถูกนำไปสร้างเป็นหนังการ์ตูนซีรีส์ และออกอากาศทางฟูจิ ทีวี, คันไซทีวี และโตไก ทีวีมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ผลงานยอดนิยมเรื่องอื่นๆ ของฟูมิ โยชินางะ ยังรวมถึงเรื่อง "ALL MY DARLING DAUGHTERS", "A CHILD'S TEMPERATURE", "THE SHOGUN'S HAREM", "FLOWER OF LIFE" และ "NOT LOVE BUT DELICIOUS FOODS MAKE ME SO HAPPY"
เรื่องย่อ
ในฐานะทายาทผู้สืบทอดมรดกของตระกูล จินฮุกมีพร้อมทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งเงิน รูปร่างหน้าตา เป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่ใครเห็นเป็นต้องหลงใหล แต่สิ่งที่จินฮุกต้อง การในยามนี้ก็คือการค้นหารักแท้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเปิดร้านขายขนมเค้ก ซึ่งแน่นอนว่ามันคือที่ที่สาวๆ ให้ความสนใจที่สุด เขาได้จ้างซุนวู พาติซิเย่ผู้มีฝีมือ ซึ่งเคยปิ๊งส์จินฮุกสมัยยังเรียนมัธยมปลาย นอกจากนี้ เขายังจ้างกีบอม อดีตนักมวยแชมเปี้ยน และบอดี้การ์ดผู้ใสซื่อที่ชื่อซูยอง ให้มาทำงานด้วยกันในร้านเค้กของเขา ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาทั้งสี่ได้ทำให้ละแวกร้านเค้กที่ชื่อ "แอนทีค" ของพวกเขา ซึ่งเคยเงียบเหงา กลายเป็นย่านที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และถึงแม้ท่าทางภายนอกของหนุ่มทั้งสี่จะดูไร้กังวลและสุดแสนจะแฮปปี้ แต่ทั้งสี่กลับมีอดีตที่ยากจะลืมเลือนที่พวกเขาแต่ละคนไม่กล้าเผชิญหน้า แต่ในไม่ช้า ความลับในอดีตของพวกเขากลับเริ่มค่อยๆ เผยตัวออกมาอย่างช้าๆ
ผู้กำกับ MEMENTO MORI, ALL FOR LOVE
ผู้กำกับมินกูดอง
ผู้กำกับมินกูดอง คือหนึ่งในผู้กำกับชาวเกาหลี เพียงไม่กี่คนที่มาพร้อมพลัง ในการผลิตผลงานเอาใจตลาด ที่ผ่านการพิสูจน์ฝีมือมาแล้ว พอๆ กับที่มีฝีมือในการสร้างผลงานเชิงศิลป์ ฝีมือที่ถือว่ายอดเยี่ยมที่สุดของเขา คือความสามารถในการค้นพบวิธีการใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ภายในเรื่องราวที่มีอยู่แล้ว นักวิจารณ์ต่างชื่นชมผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา MEMENTO MORI (1999)
ในแง่ของการนำเสนอสภาพจิตที่ไม่มั่นคง และความรู้สึกอันเปราะบางของวัยรุ่นหญิงภายในเนื้อหา ที่เป็นแนวสยองขวัญ ภาพยนตร์เรื่องนี้ กลายเป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่มีความสุนทรีย์ที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ เกาหลี
ผลงานภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ของเขา ALL FOR LOVE (2005) บอกเล่าเรื่องราวความรักของคนเจ็ดคู่ ผ่านโครงสร้างที่เป็นเรื่องสั้นอันโดดเด่น ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถดึงคนดูกว่า 3 ล้านคน ให้แห่กันเข้าโรงภาพยนตร์ ทางด้านนักวิจารณ์ต่างกล่าวชื่นชมว่า มินกูดองได้ช่วยเปิดศักราชใหม่ให้กับภาพยนตร์ตลกโรแมนติคของเกาหลี ภาพยนตร์เรื่อง ANTIQUE ยังได้สอดแทรกเรื่องราว เกี่ยวกับรักร่วมเพศเข้าไปในเรื่องราวดราม่ากึ่งตลก ที่ทุกคนคุ้นเคย
นอกจากนี้ โครงสร้างของพลอตเรื่องแนวลึกลับ ยังได้รับการผสมผสานเข้ากับเนื้อหาที่แหวกกฎ จนทำให้ ANTIQUE กลายเป็นเรื่องราวดราม่า กึ่งตลก ที่ไม่เหมือนกับภาพยนตร์เรื่องใดแทนที่จะนำเสนอประเด็นในเรื่องรักร่วมเพศ ออกมาอย่างระมัดระวัง ผู้กำกับมินกูดองกลับยอมรับแนวคิด จากหนังสือการ์ตูนต้นฉบับ และนำเสนอมันด้วยเสียงหัวเราะ อันร่าเริงแจ่มใส มินกูดองได้เปลี่ยนเรื่องราวของหนังสือการ์ตูนต้นฉบับ ให้กลายเป็นเรื่องดราม่าซึ่งอยู่เหนือมาตรฐานของภาพยนตร์ตลก ที่อิงตัวละครเป็นหลัก ด้วยการใช้พลอตเรื่องที่มีความลึกลับและเย้ายวน ในการเล่าเรื่องราวอดีตอันลึกลับของชายทั้งสี่ และกระบวนการในการเยียวยาของพวกเขา
มินกูดองเคยแสดงให้คนดู ได้เห็นถึงความรู้สึก ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขามาแล้วในอดีต เช่นในภาพยนตร์เรื่อง MEMENTO MORI ความรู้สึกเหล่านั้น ถูกส่งผ่านออกมาให้เห็นจากคู่วัยรุ่นที่เป็นเลสเบี้ยน, ในภาพยนตร์เรื่อง ALL FOR LOVE เป็นการนำเสนอ ผ่านความรักระหว่างชายสองคน คือเจกุง และเทฮุน ภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องนี้ ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของมินกูดอง ในการทำให้แนวคิดเหล่านี้ เป็นสิ่งที่คนดูทั่วไปสามารถเข้าใจได้ แม้กระทั่งในภาพยนตร์เรื่อง ALL FOR LOVE มินกูดอง ยังสามารถรวมเรื่องราวความรักที่แตกต่างกัน 7 คู่ ให้กลายมาเป็นเรื่องราวดราม่าหนึ่งเดียวกัน ด้วยความสามารถเช่นนี้ ซึ่งมีเพียงผู้กำกับมินกูดองเท่านั้น ที่สามารถนำมาขึ้นจอได้ ก็คือสิ่งที่ช่วยเติมเชื้อไฟให้กับความคาดหวังที่นับวันจะมีมากขึ้น ต่อผลงานภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขา
ผลงานที่ผ่านมา
- 2005 ALL FOR LOVE – เขียนบท/ กำกับ
- เทศกาลภาพยนตร์ Icheon Chunsa Film Festival ครั้งที่ 13 [ได้รับรางวัล Special Jury Prize สาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม]
- รางวัล Korea Film Award ครั้งที่ 4 [ลำดับภาพยอดเยี่ยม]
- 1999 MEMENTO MORI – เขียนบท/ กำกับ/ ผู้กำกับร่วมมินเทยง
- รางวัล PaekSang Arts Awards ครั้งที่ 36 [ผู้กำกับหน้าใหม่ยอดเยี่ยมแห่งปี]
- งานเทศกาลภาพยนตร์ Verzaubert International Queer Film Festival ครั้งที่ 10 [ได้รับรางวัล Rosebud Audience Award สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม]
- ได้รับรางวัลจากกระทรวงวัฒนธรรม, กีฬา และการท่องเที่ยว ประจำปี 2008 [สาขา Today’s Young Artist]
ความเห็นผู้กำกับ
ผู้เขียนบท/ ผู้กำกับมินกูดอง
"ผมเป็นแฟนหนังสือการ์ตูนเรื่องนี้อยู่แล้ว ดังนั้น ผมจึงใส่หนังสือการ์ตูนเรื่องนี้เอาไว้ในกระเป๋าของตัวละครเอก (อึมจุงฮวา) ในภาพยนตร์เรื่องก่อนของผม ALL FOR LOVE สิ่งที่สะดุดความรู้สึกของผม ก็คือไอเดียที่แปลกใหม่ ที่มีตัวละครเป็นชายทั้งหมดภายในเรื่องราวเกี่ยวกับเค้ก ซึ่งเป็นเรื่องราวที่มักจะถูกเก็บไว้ให้กับพวกผู้หญิงเท่านั้นลักษณะที่ อาหารทำหน้าที่เป็นสื่อกลางของเหตุการณ์ทั้งหมดก็ชวนให้หลงใหลแต่เหนือสิ่ง ใด ผมรู้สึกจับใจกับตัวละคร ที่แทบจะมีชีวิตมีลมหายใจจริงๆ และความเป็นจริงของอารมณ์ของตัวละคร ที่ซึมผ่านทะลุหน้ากระดาษออกมาถึงแม้เนื้อหาและสื่อการนำเสนอ จะเป็นเรื่องในแนวตลกก็ตาม มันเป็นเรื่องที่ผมอยากถ่ายทอดขึ้นจอภาพยนตร์จริงๆ"
ตัวละครและนักแสดง
"นอกจากน้ำตาลแล้ว ในเค้กนี่นายยังได้รสชาติอื่นด้วยเหรอ?
สาบานได้ คนที่กินเค้กนี้มากกว่าหนึ่งชิ้นต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ"
พ่อค้าขายเค้ก : ทายาทมรดกและเจ้าของร้าน, จินฮุก
ด้วยหน้าตาหล่อเหลาถูกสเป็คสาวๆ บวกกับความเป็นคนช่างพูดช่างเจรจาซึ่งช่วยเพิ่มยอดขายให้พุ่งกระฉูด จินฮุกคือชายหนุ่มเจ้าของร้าน "แอนทีค" แม้จะเกลียดของหวานเข้าไส้ แต่หนุ่มทายาทมรดกร้อยล้านที่มีนิสัยแปลกๆ ผู้นี้กลับเปิดร้านขายเค้กด้วยเหตุผลเดียวเท่านั้น นั่นก็คือลูกค้าส่วนใหญ่ของร้านคือผู้หญิง สำหรับคนอื่นๆ ในร้านแอนทีค จินฮุกเป็นเพียงดอน ฮวนจอมเจ้าชู้ ที่ช่างเจรจา แต่ขี้หงุดหงิด อย่างไรก็ดี เมื่ออยู่ต่อหน้าครอบครัวของเขา จินฮุกกลับสามารถแปลงร่างให้กลายเป็นสุภาพบุรุษหนุ่มในฝันที่เปี่ยมไปด้วย เสน่ห์ เมื่อสมัยยังเด็ก จินฮุกเคยโดนลักพาตัวไปนานถึงสองเดือน แต่เขากลับจำเหตุการณ์นั้นไม่ได้เลย จะจำได้ก็เพียงความจริงที่ว่าคนที่ลักพาตัวเขาไปให้เขากินเค้กทุกวัน
จูจีฮุน (Joo Ji Hoon)
จูจีฮุน กลายเป็นดาราดังในแวดวงจอแก้วทันทีเมื่อเขารับบทพระเอกในซีรีส์เรื่อง PRINCESS HOURS หรือเจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชา (2006) ซีรีส์ที่สร้างมาจากหนังสือการ์ตูน จูจีฮุนประเดิมงานแสดง ภาพยนตร์เรื่องแรกด้วยเรื่อง ANTIQUE งานนี้ ตัวละครช่างเจรจาที่มีอารมณ์ขันตัวนี้ถือเป็นความท้าทายใหม่ สำหรับจูจีฮุน ผู้ซึ่งบทบาทก่อนๆ ของเขาคือบทเจ้าชายรัชทายาทผู้แสนเดียวดายใน PRINCESS HOURS และบททนายที่แสนเย็นชาใน THE LUCIFER (2007) ขณะที่ซีรีส์สองเรื่องนี้ได้ถูกนำไปออกอากาศ ในหลายประเทศ ในทวีปเอเชีย บัดนี้ ทุกสายตาของคนทั้งทวีปต่างจับจ้องอยู่ที่ภาพยนตร์เรื่อง ANTIQUE ในฐานะภาพยนตร์ เรื่องแรกของดาราดาวรุ่งรุ่นใหม่
ผลงานที่ผ่านมา
- 2007 THE LUCIFER (ซีรีส์ของเคบีเอส ทีวี)
- 2006 PRINCESS HOURS (ซีรีส์ของเอ็มบีซี ทีวี)
- ได้รับรางวัล MBC Drama Awards ประจำปี 2006 [สาขานักแสดงชายหน้าใหม่ยอดเยี่ยม]
ไแค่ให้ได้เงินพอยาไส้ไปวันๆ กับมีคนให้อยู่ด้วยทุกคืน
นอกนั้น ฉันก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว"
ชายผู้เสกสรรปั้นแต่งเค้ก : พาติซิเย่อัจฉริยะ, ซุนวู
ซุน วู คือ พาติซิเย่ระดับอัจฉริยะ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น "ปรมาจารย์ในตำนาน" แห่งโลกขนมอบ เมื่อมองภายนอก เขาดูเป็นหนุ่มหัวอ่อน และใสซื่อ แต่จริงๆ แล้วเขากลับเป็นเกย์หนุ่มที่มี "เสน่ห์ลึกลับ" ที่มีแรงดึงดูดมากพอจะทำให้ ทั้งชายและหญิงเกิดความหลงใหลในตัวเขาในฉับพลัน ถึงแม้จะมีฝีมือที่ได้รับการยกย่อง แต่ซุนวูกลับโดนไล่ออก
จากทุกร้านที่เขาเคยทำงานมา เพราะการก่อปัญหาในที่ทำงาน ผลก็คือเขาต้องมาทำงานที่ร้าน "แอนทีค" ซูนวูกล้าปล่อยตัวปล่อยใจ มีสัมพันธ์กับผู้ชายอย่างไร้พันธะ แต่เขากลับกลัว ผู้หญิงด้วยเหตุผลบางประการ นอกจากจินฮุกจะเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมปลายของเขาแล้ว จินฮุกยังเป็นหนุ่มคนแรกที่เขาปิ๊งส์ และยังเป็นเพียงคนเดียวที่เคยปฏิเสธเขา
คิมแจอุค (Kim Jae Wook)
คิมแจอุค ได้สร้างชื่อในกลุ่มนักแสดงหนุ่มรุ่นใหม่ที่หล่อเหลาและมีความสามารถที่สุด จากการรับบทเป็น ซุนกี ในซีรีส์เรื่องดังของปี 2007 เรื่อง COFFEE PRINCE การต้องแสดงท่าทางปิ๊งส์ปั๊งส์กับหนุ่มๆ ถึงขนาดมีฉากจูบอันสุดยั่วกิเลส เป็นอุปสรรคที่คิมแจอุกต้องเจอเมื่อแสดงภาพยนตร์เรื่อง ANTIQUE งานนี้ถือเป็นงานยากแม้แต่สำหรับนักแสดงชายที่มีประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาว มานาน แต่นักแสดงหน้าใหม่ผู้นี้กลับกล้าเผชิญหน้า กับความท้าทายเหล่านี้อย่างไม่เกรงกลัว และได้แสดงให้เห็นถึงมนต์เสน่ห์ที่มีทั้งความเป็นชายและหญิงในตัวของเขาให้ เห็นในบทหนุ่มเกย์ผู้ยั่วยวน
ผลงานที่ผ่านมา
- 2008 THE LAND OF WIND (ซีรีส์ของเคบีเอส ทีวี)
- 2007 COFFEE PRINCE (ซีรีส์ของเอ็มบีซี ทีวี)
- DALJA'S SPRING (ซีรีส์ของเคบีเอส ทีวี)
คนรักเก่าของซุนวูจากฝรั่งเศส, ฌอน-แบ็ปติสท์ อีแวน
พาติซิเย่ชาวฝรั่งเศสผู้มีชื่อเสียง ซึ่งบ่อยครั้งได้รับการยกย่องให้เป็น "จักรพรรดิแห่งขนมอบฝรั่งเศส" ฌอน-แบ็ปติสท์ก็คืออาจารย์ของซุนวู และยังเป็นอดีตคนรักสมัยที่เขายังเรียนอยู่ในปารีส ฌอนเป็นหนุ่มรูปหล่อและมีบุคลิกที่ได้รับการบรรยายว่ากล้าได้กล้าเสียเพราะ ไม่สามารถลืมซุนวูได้ฌอนจึงเดินทางมาเกาหลีเพื่อยื่นข้อเสนอทางธุรกิจที่น่า สนใจซึ่งทำให้หลายสิ่งหลายอย่างที่ร้านแอนทีคตกอยู่ในวังวนของความวุ่นวาย
แอนดี้ จิลเล็ท
แอนดี้ จิลเล็ท เริ่มเข้าวงการด้วยการเป็นนายแบบเขาได้เดินไปบนรันเวย์ของแฟชั่นโชว์ชั้นแนว หน้าทั่วโลกและยังได้ ถ่ายโฆษณาให้กับสินค้าชั้นแนวหน้าอย่าง Hermes, Kenzo, Burberry และอีกมากมาย จิลเล็ทยังเคยแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง ROMANCE OF ASTREA AND CELADON (2007) ภาพยนตร์ที่กำกับโดยผู้กำกับที่ได้รับคำชมไปทั่วโลกอย่าง เอริค โรห์เมอร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเชิญให้เข้าแข่งขันที่งานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ เมืองเวนิสครั้งที่ 64 ด้วยมีหน้าตาหล่อเหลาและความสามารถในการแสดงเป็นอาวุธ บัดนี้จิลเล็ทก็คือหนึ่งในนักแสดงชายที่โด่งดังที่สุดในฝรั่งเศส
ผลงานที่ผ่านมา
- 2007 ROMANCE OF ASTREA AND CELADON (ผู้กำกับเอริค โรห์เมอร์)
- 2006 THE MAN OF MY LIFE (ผู้กำกับซาโบว์ บรีทแมน)
- NOVELLE CHANCE (ผู้กำกับ แอนน์ ฟอนเทน)
- 2005 A CURSED MONARCHY (ผู้กำกับ โฮเซ่ เดแยน)
"ปิดไปเลย! นายจะไปต้อนรับลูกค้าก็ได้ ตาแก่!ถ้าไม่มีอาจารย์ ที่นี่จบเห่แน่!"
ชายหนุ่มผู้เรียนรู้เรื่องการทำเค้ก : ลูกมือที่ชอบขนมหวาน, กีบอม
กี บอม คือ พาติซิเย่ฝึกหัดที่มีความรักในเค้กเขาเริ่มต้นทำงานที่ร้านแอนทีคหลังเกิดตก หลุมรักในรสชาติ อันเอร็ดอร่อย ของขนมอบฝีมือซุนวู ดูภายนอกกีบอมอาจดูเหมือนเด็กหนุ่มหน้าตาดีทั่วๆ ไป แต่เขากลับเป็นคนปากร้ายแบบชายหนุ่มหัวแข็งเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น ยกเว้นอาจารย์ของเขา เมื่ออยู่กับซุนวู กีบอมกลับเป็นเพียงหนุ่มหัวอ่อนที่แสนจะเชื่อฟังคำสั่ง ก่อนจะมาที่ร้านแอนทีค กีบอมคือแชมเปี้ยนมวยที่มีฉายาว่าเป็น "ไอดอลบนสังเวียน" อนาคตอันรุ่งโรจน์บนสังเวียนมวยของเขาต้องดับลงอย่างกะทันหันเมื่อเขาได้รับ การวินิจฉัยว่าตามีปัญหา
ยูอาอิน (Yoo Ah In)
ยูอาอิ เป็นที่รู้จักจากบทบาทการแสดงอันยอดเยี่ยมของเขาในภาพยนตร์เรื่อง SKELETONS IN THE CLOSET (2007) และ BOYS OF TOMORROW (2007) ระดับของความจริงจังและความลึกในการแสดงของยูอาอิเรียกว่ามีสูงมากกว่าความ คาดหวังที่คนดูคาดว่าจะได้เห็นในตัวนักแสดงหน้าใหม่ทำให้เขาคว้ารางวัลนัก แสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมที่งานแจกรางวัล Busan Film Critics Awards ยูกลายเป็นชื่อที่ทุกคนคุ้นเคยดีในหมู่คอภาพยนตร์ชาวเกาหลี ด้วยการร่วมแสดงในซีรีส์ทางทีวีเรื่อง ROUNDING OFF (2006) และ CHILWU, THE MIGHTY (2008) ด้วยหน้าตาที่ดูเป็นเด็กหนุ่มรูปหล่อใสๆและความสามารถในการแสดงอันสุด มหัศจรรย์ของเขาทำให้วงการบันเทิงและคนดูต่างเฝ้าจับตามองความสามารถ ที่เพิ่มสูงมากขึ้นของเขาด้วยความคาดหวัง
ผลงานที่ผ่านมา
- 2008 CHILWU, THE MIGHTY (ซีรีส์ของเคบีเอส ทีวี)
- 2007 SKELETONS IN THE CLOSET (ผู้กำกับชุงยูนชูล)
- BOYS OF TOMORROW (ผู้กำกับโนห์ดองซุก)
"นายน้อยจินฮุก นั่นมันยากไป ผมทำไม่ได้หรอก!"
ชายผู้คอยเสิร์ฟเค้ก : พนักงานเสิร์ฟสุดซุ่มซ่าม, ซูยอง
ซู ยอง คือบอดี้การ์ดของจินฮุก ผู้คอยติดตามเขาไปทุกที่ราวกับเงาตามตัว เขาเรียกจินฮุกว่า "นายน้อย" จนติดปากและคอยอยู่เคียงข้างจินฮุกมาตั้งแต่พวกเขายังเด็กเมื่อบรรดาพนักงาน ของร้านแอนทีคเกิดหลงใหลในเสน่ห์ของซุนวูจนโงหัวไม่ขึ้น สร้างปัญหา และในที่สุดก็ลาออกไปซูยองจึงลงเอยด้วยการต้องทำหน้าที่เป็นพนักงานเสิร์ฟ ที่ร้านแอนทีคโดยไม่เต็มใจ ตามทฤษฏี เขาควรเป็นบอดี้การ์ดจอมโหด แต่ในความเป็นจริง ซูยองกลับเป็นหนุ่มใส ซื่อราวกับเด็กแรกเกิด และต้องการการใส่ใจดูแลจากคนอื่นๆ เพื่อกันเขาจากการสร้างความเสียหาย เมื่อซุนวูเริ่มใช้เสน่ห์ กับซูยองผู้แสนซื่อ เขาอายมากเสียจนไม่รู้จะทำตัวยังไงดี
ชเวจีโฮ (Choi Ji Ho)
ในฐานะนักแสดง ชเวจีโฮอาจไม่เป็นที่คุ้นตาคนดูมากนัก แต่เขาเป็นนายแบบชั้นแนวหน้าที่มีประสบการณ์การเดินแบบ ให้กับสินค้าแบรนด์ดังมาแล้วมากมาย อาทิเช่น Gucci, Valentino, Dolce & Gabbana และอื่นๆ อีกมากมาย ด้วยส่วนสูงถึง 190 เซนติเมตร และด้วยหุ่นที่ดูแมนสุดๆ ชเวจีโฮจึงได้รับความสนใจในฐานะนายแบบที่ผันตัวเองมาเป็น นักแสดงที่มีแววประสบความสำเร็จเป็นคนต่อไป หลังจากเคยแสดงฉากสตั๊นต์ที่ทำให้ทุกคนตื่นตะลึง จนอ้าปากค้างมาแล้วเมื่อเขาไปรับบทเป็นยีราฟ บอดี้การ์ดคนเก่งในภาพยนตร์เรื่อง TIME BETWEEN DOG AND WOLF (2007) บัดนี้ ชเวจีโฮจะได้แสดงอารมณ์ขันในตัวของเขาออกมาในภาพยนตร์เรื่อง ANTIQUE
ผลงานที่ผ่านมา
- 2007 TIME BETWEEN DOG AND WOLF (ซีรีส์ทางเอ็มบีซี ทีวี)
เบื้องหลังงานสร้างความท้าทายสูงสุด : การกลายเป็น "ปรมาจารย์" ภายในเวลาแค่สองเดือน!
ANTIQUE คือผลงานที่เกิดจากความรักและความทุ่มเทของนักแสดงหนุ่มหน้าใหม่ทั้งสี่ หลังจากเลือกตัวนักแสดงได้แล้ว ผู้กำกับมินกูดองได้กำหนดบทเรียนฝึกฝนฝีมือให้กับนักแสดงในแต่ละบททันที เพื่อทำให้เกิดความสมจริงในการแสดงของพวกเขา นักแสดงแต่ละคนต้องทิ้งกิจวัตรประจำวันส่วนตัว เพื่อทุ่มเทเวลาทั้งวันทั้งคืนให้กับการฝึกฝนการเป็นพาติซิเย่ เรียนภาษาฝรั่งเศส เรียนชกมวย และแม้กระทั่งเรียนเต้น
ก้าวที่ 1 การฝึกเป็นพาติซิเย่
ก่อนจะทันได้ท่องบท นักแสดงหนุ่มๆ เหล่านี้ต้องท่องตำราทำขนมจากปกหน้าถึงปกหลัง สำหรับบท “เจ้าของร้านช่างเจรจา” ของจูจีฮุน เขาต้องสามารถท่องและอธิบายชื่อของขนมเค้กได้อย่างรวดเร็วไม่มีที่ติ ขณะที่จูจีฮุนมุ่งการซ้อมในเรื่องของทฤษฎี แต่โปรแกรมการฝึกของคิมแจอุกและยูอาอิกลับเน้นหนักไปที่การอบขนม ให้ได้ในระดับเดียวกับพาติซิเย่และลูกมือจริงๆ การเรียนรู้และฝึกฝนจะเริ่มต้นกันตอนดึก เนื่องจากทางร้านเค้กต้องเปิดดำเนินธุรกิจในเวลากลางวันทำให้คิมและยู
ต้องอดหลับอดนอนเพื่อฝึกอบขนมคืนแล้วคืนเล่าสองนักแสดงหนุ่มได้รับการฝึกฝน เป็นพิเศษเมื่อพวกเขาต้องอบขนมเค้กที่ต่างชนิดกันมากถึง 20 ชนิด มีตั้งแต่ขนมเค้กเมเดลีนแบบพื้นฐานไปจนถึงขนมเค้กแสนยากอย่างกาโต้ โอเปร่า หลังจากทั้งร่อนแป้ง นวดแป้งอยู่นานหลายเดือน ในที่สุด เหล่านักแสดงผู้ทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อม ก็สามารถถ่ายทำฉากอบขนมทั้งหมดได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องใช้ตัวแสดงแทนแต่ อย่างใด สุดท้าย พวกเขากลายเป็นปรมาจารย์ ในการทำขนมอบจนสามารถทำขนมให้กับทีมงานกินกันในกองถ่ายได้
ก้าวที่ 2 การเรียนชกมวย
เพราะต้องรับบทเป็นอดีตนักมวยระดับแชมเปี้ยนที่ชื่อกีบอม ยูอาอิจึงต้องเพิ่มกล้ามเนื้อของเขาขึ้นมา 5 กิโลกรัม เพื่อเปลี่ยนแปลงหุ่นที่เคยผอมเพรียวของเขา นอกจากจะต้องฝึกการเป็นพาติซิเย่อย่างหนักแล้ว ยูยังต้องเข้าโรงยิม ทุกวันเพื่อยกน้ำหนักและเรียนชกมวย แม้เขาจะทุ่มเทให้กับการฝึกอย่างหนักแล้วก็ตาม แต่เมื่อการถ่ายทำเริ่มต้นขึ้นจริงๆ ปัญหาก็ยังบังเกิดขึ้นจนได้ ฉากชกมวยต่างๆ ต้องถูกเลื่อนไปถ่ายทำกันในช่วงครึ่งหลังของการถ่ายทำ และเนื่องจากบท ของเขาเป็นชายหนุ่มที่ชอบกินของหวานเป็นชีวิตจิตใจ ยูจึงต้องใช้เวลาครึ่งแรกของการถ่ายทำทั้งหมด กินเค้กที่มีแคลอรี่สูง ชิ้นแล้วชิ้นเล่าในแทบทุกฉากที่เขาต้องแสดง ตลอดเวลาที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ยูต้องฟิตร่างกายเพื่อรักษารูปร่างที่ดู มีมัดกล้ามของเขาเอาไว้ การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ANTIQUE จึงมาพร้อมกับความเจ็บปวดสำหรับนักแสดงหนุ่มที่ไม่เคยต้องฝึกฝนหนักอยู่ตลอด เวลาแบบนี้ อย่างไรก็ดี ยูอาอิบอกว่าทุกวันนี้ ที่เขามีร่างกายที่ดูแมนขึ้นและฟิตขนาดนี้ได้ เขาเป็นหนี้ภาพยนตร์เรื่อง ANTIQUE ไปเสียแล้ว
ก้าวที่ 3 การเรียนภาษาฝรั่งเศส
เพราะบทพาติซิเย่ชาวฝรั่งเศสที่รับบทโดย แอนดี้ จิลเล็ท มีความสำคัญต่อเรื่องบรรดานักแสดงที่ต้องเล่น ประกบบทกับเขาจึงต้องพูดภาษาฝรั่งเศสไปด้วย ทั้งคิมแจอุกและจูจีฮุนไม่เคยเรียนภาษาฝรั่งเศสมาก่อน แต่พวกเขาต้องสามารถพูดภาษาฝรั่งเศสให้ได้คล่องปาก โดยจะต้องแสดงอารมณ์ของตัวละครออกมาได้ด้วย ทีมงานจึงดึงตัว ไอด้า ดอสซี่ ให้เข้ามาช่วยสอนพูดภาษาฝรั่งเศสให้พวกเขา แบบตัวต่อตัวเป็น เวลานานกว่าสองเดือน
ดอสซี่รู้สึกเป็นปลื้มมากเมื่อสองนักแสดงหนุ่มขอให้เธอได้มีบทรับเชิญในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย
ก้าวที่ 4 เรียนเต้น
เหล่านักแสดงหนุ่มต้องเรียนเต้นอยู่นานสองเดือนเพื่อใช้ในการแสดงฉากแด๊นซ์ และฉากเพลงในภาพยนตร์เรื่องนี้ ในตอนแรก จูจีฮุนจับจังหวะเพลงไม่ได้เลย จนทำให้ครูสอนเต้นถึงกับเดินออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ หลังจากหลาเยดือนที่ต้องทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนักจูจีฮุนสามารถเต้นได้อย่างงด งามไปพร้อมกับนักแสดงละครเพลงมืออาชีพในการแสดงแบบกลุ่มได้อย่างไร้ที่ติ ทางด้านคิมแจอุกนั้น ในชีวิตจริงเขาเป็นหนุ่มขี้อายซึ่งต่างจากบทหนุ่มเกย์ที่ชอบหว่านเสน่ห์ของ เขาในภาพยนตร์เรื่องนี้ ทางทีมงานเป็นห่วงว่าคิมแจอุกจะแสดงไม่ออกเมื่อเขาต้องถ่ายฉากเต้นที่ต้องดู เซ็กซี่ แต่แล้วทุกคนก็ต้องแปลกใจ เมื่อคิมแจอุกสามารถเต้นยั่วยวนได้อย่างสุดยอดโดยไม่ต้องเทกใหม่เลยสักครั้ง
#############################