ก้านกล้วย 2
ก้านกล้วย 2 (กันตนา แอนนิเมชั่น สตูดิโอ)
กำหนดฉาย : 26 มีนาคม 2552
การกลับมาที่อลังการยิ่งกว่า
จากประสบการณ์ในการสร้าง ก้านกล้วย ภาคแรก ก่อให้เกิดความฝันที่จะทำภาคสองให้ลงตัว ในทุกรายละเอียดของงานสร้างและเปี่ยมด้วยสีสันแห่งจินตนาการยิ่งขึ้น ในส่วนของการออกแบบฉากและเครื่องแต่งกายทีมงานได้เดินทางไปยังสหภาพเมียนมา ร์ เพื่อชมพระราชวังโบราณสถานต่างๆ ตลอดจนข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้าและเครื่องประดับ นำมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ โดยจินตนาการเพิ่มเติมไปถึงสมัยเมื่อที่นี่ยังเจริญรุ่งเรือง ส่วนหนึ่งเป็นการออกแบบจากของจริง ปรุงแต่งด้วยจินตนาการ เพื่อให้ได้ภาพที่ตื่นตาตื่นใจ และดูมหัศจรรย์ที่สุด
จากประวัติศาสตร์ สู่การผจญภัย...ครั้งใหม่
ชัย ชนะจากสงครามยุทธหัตถี ก้านกล้วยได้รับการแต่งตั้งเป็น เจ้าพระยาปราบหงสาวดี เป็นช้างทรงที่พระนเรศวรทรงใช้ในการศึกสงครามทุกครั้ง รวมถึงสงครามครั้งใหม่ของกรุงหงสาวดี ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า...
แต่...ก่อนที่การเริ่มทัพจะเริ่มขึ้น เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน.... ทหารหงสาบุกมาจับชาวบ้านอยุธยาไปเป็นเชลย และได้นำชบาแก้วและลูกแฝดของก้านกล้วยไปด้วย ก้านกล้วย ไม่มีหนทางอื่น นอกจากต้องแอบหลบหนีจากกรุงศรีอยุธยา เพื่อช่วยลูกเมียกลับมาให้เร็วที่สุด ครั้งนี้เขาต้องต่อสู้เพียงลำพังบนดินแดนของศัตรู ต้องเผชิญหน้ากับช้างศึกที่แข็งแกร่งที่สุดอย่าง...งานิล พร้อมด้วย อองสา มหาอำมาตย์จอมเวทย์มนตร์ นี่คือ...ภารกิจ ที่ใหญ่หลวง ยิ่งกว่าครั้งใด
เทคโนโลยีรองรับทุกจินตนาการ
ด้วยเรื่องราวที่มีความเป็นแฟนตาซีมากขึ้น และมีเหตุการณ์ใหญ่ๆ เกิดขึ้นมากมาย จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีเทคโนโลยีที่ถึงพร้อมเพื่อให้ผลงานออกมามีคุณภาพ โดยใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ในภาคนี้ จึงมีการลงทุนมหาศาลกับระบบคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ที่ทันสมัยในระดับสากล กับงานสร้าง ก้านกล้วย 2 ยังเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่มีการใช้โปรแกรม Massive (ซอฟต์แวร์ระดับฮอลลีวู้ด) อย่างสมบูรณ์แบบ ในฉากซึ่งต้องการภาพตัวละครกลุ่มใหญ่ตั้งแต่หลักร้อย หลักพัน จนถึงหลักหมื่น เป็นจำนวนมากกว่าหนึ่งร้อยช็อต นี่เป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีที่เข้ามารองรับให้ทุกจินตนาการกลายเป็นความ จริง
เสริมทัพด้วยนักแสดงชั้นนำ
จุดเด่นอีกประการหนึ่งได้แก่ส่วนของการแสดงซึ่งได้คุณมนตรี เจนอักษร มาเป็นผู้กำกับเสียง และมีนักแสดงคุณภาพมากมายมาร่วมให้เสียงเพื่อความสมจริง
อรรถพร ธีมากร ให้เสียงพากย์ "ก้านกล้วย"
แอน ทองประสม ให้เสียงพากย์ "ชบาแก้ว"
วรุฒ วรธรรม ให้เสียงพากย์ "จิ๊ดริด"
นัฎฐา ลอยด์ ให้เสียงพากย์ "แสงดา"
นนทรีย์ นิมิบุตร ให้เสียงพากย์ "พระเจ้าหงสาวดี"
อภิรดี ทศพร ให้เสียงพากย์ "พระสุพรรณกัลยา"
มนตรี เจนอักษร ให้เสียงพากย์ "พระนเรศวร และ อองสา"
ร่วมด้วยกลุ่มนักแสดงเด็กมากฝีมือแห่งยุค ไม่ว่าจะเป็น
น้องเก็ต ให้เสียงพากย์ "ดุ๊ยดุ่ย"
น้องพี ม๊กจ๊ก ให้เสียงพากย์ "กอไผ่"
น้องจุนจุน ให้เสียงพากย์ "ใบบอน"
น้องสปาย ให้เสียงพากย์ "ส้มจี๊ด"
น้องซัน ให้เสียงพากย์ "ข้าวเม่า"
เด็กๆ เหล่านี้เป็นส่วนสำคัญที่สร้างชีวิตและใส่สีสันที่สนุกสนานให้กับบรรดาลูกช้างจนทุกคนต้องหลงรักพวกเขา
อัจฉรา กิจกัญจนาสน์ ควบคุมการผลิต
"ก้านกล้วยภาคแรกถือเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตก้านกล้วย แต่ก้านกล้วย 2 เราต้องการให้เห็นว่าชีวิตของก้านกล้วยต่อจากนั้นเป็นอย่างไร เปรียบเหมือนคนที่ประสบความสำเร็จแล้ว ชีวิตของเขาจะดำเนินต่อไปอย่างไร โดยเฉพาะเมื่อมีปัญหาต่างๆ เข้ามารุมล้อมอย่างเรื่องปัญหาของครอบครัว"
"ภาคแรกถือเป็นแค่บทพิสูจน์ว่าเราทำได้ แต่ภาคสองต้องบอกว่าท้าทายยิ่งกว่า เพราะไม่แค่ทำได้แล้ว แต่ต้องให้เห็นว่าเราทำได้แค่ไหนด้วย สำหรับภาคนี้เรา "พาวเวอร์ อัพ" ขึ้นไปอีก " ภาคแรกต้องฝ่าฟันอุปสรรคหลายอย่าง เทคโนโลยีเอย ทีมงานเอย แต่ภาคนี้เรามีการวางแผนที่ดีขึ้นวางสายงานการผลิตให้เป็นระบบมากขึ้น แถมฝีมือน้องๆ ก็เก่งขึ้น อย่างเวลาทำงานผู้กำกับฯแทบไม่ต้องขอ แค่มองตาทีมงานก็รู้แล้วว่าอยากได้อะไร และก็พร้อมทำให้ทันที เพื่อให้ก้านกล้วย 2 นี้ สมบูรณ์แบบมากที่สุดเท่าที่จะทำได้"
ทวีลาภ ศรีวุฒิวงศ์ ผู้กำกับภาพยนตร์
"ก้านกล้วย 2 เป็นหนังที่มีครบทุกรสชาติ ตลก แอ๊คชั่น แฟนตาซี ดราม่า เรียกได้ว่า ดูได้ทั้งครอบครัวจริงๆ ในส่วนของผู้ใหญ่ เราจะสะท้อนว่าการทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ได้นั้น ต้องมีครอบครัวคอยสนับสนุน และเมื่อเวลาทำผิดก็ต้องยอมรับผิด ในส่วนของเด็กก็จะสื่อง่ายๆ ว่า แม้จะมีความแตกต่างในเรื่องเชื้อชาติ และแนวคิดอย่างไร ทุกคนก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้"
"จุดเด่นอีกข้อ เป็นในแง่ของฉากที่ยิ่งใหญ่ตระการตากว่าภาคที่แล้ว อย่างฉากเมือง หงสาวดี ที่ก่อนลงมือทำเราได้นำทีมงานไปรีเสิร์ช ที่ต้นกำเนิดของเรื่องราวหนึ่งสัปดาห์เต็ม เพื่อเอามาปรุงแต่งให้วิจิตรในแบบที่ไม่มีใครเคยนึกถึงมาก่อน "โจทย์ก็คือต้องทำให้ดีกว่าภาคแรก ทีมงานทุกคนจึงต้องปล่อยพลังกันเต็มที่"
ก้านกล้วย-ชบาแก้ว
การกลับมาของตัวละครที่ทุกคนประทับใจ โดยเฉพาะ ก้านกล้วย และ ชบาแก้ว ในภาคนี้ทั้งสองตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน แต่ด้วยภาระหน้าที่ในฐานะทหาร ทำให้ก้านกล้วยไม่อาจให้เวลากับชบาแก้วได้เต็มที่ ชบาแก้วเก็บความน้อยใจไว้ จนกระทั่งรู้ว่าจะมีลูก เธอพยายามบอกข่าวดีแก่เขา แต่เขายังคงยุ่งอยู่กับงาน สุดท้าย ความอดทนก็มาถึงขีดสุด ชบาแก้วเดินทางไปคลอดลูกที่หมู่บ้านหินขาวเพียงลำพัง และนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวครั้งใหม่ ที่ก้านกล้วยในฐานะช้างคู่พระบารมีต้องตัดสินใจทำบางอย่าง ซึ่งผิดต่อหน้าที่ชายชาติทหาร เพื่อครอบครัวอันเป็นที่รัก
ต้นอ้อ กอแก้ว ลูกช้างแฝด
ผู้เป็นแก้วตาดวงใจของก้านกล้วยกับชบาแก้ว ทั้งคู่ถูกกวาดต้อนไปหงสาวดีพร้อมกับชาวอยุธยา และถูกนำตัวเข้าพิธีบูชาสวรรค์ ซึ่งเป็นพิธีเซ่นสรวงทวยเทพ และวิญญาณบรรพบุรุษ โดยการเผาบูชาด้วยลูกช้างแฝดฝ่ายศัตรูซึ่งก็คือลูกแฝดทั้งสองของก้านกล้วย นั่นเอง เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ทัพหงสาวดี ก้านกล้วยต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยลูกในเวลาจำกัด
กลุ่มช้างเด็กสุดแสบ
ช้างเด็กกลุ่มใหม่ที่เข้ามาเสริมความสนุกสนานสดใสและมุกตลกแบบไม่มีลิมิต ประกอบไปด้วย ดุ๊ยดุ่ย ขาลุยสุดซ่า ท้าทายทุกที่ ส้มจี๊ด สาวน้อยหวานแหวว แก่นแก้วแสนซน ใบบอน จอมโวยวาย ว่องไวไปทุกเรื่อง ข้าวเม่า เจ้าเบิ้มสุดเฟอะ เลอะเทอะถึงใจ และ กอไผ่ ลูกช้างหงสา หัวใจอยุธยา พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของการผจญภัยในกรุงหงสาวดีซึ่งมีอันตรายรอบด้าน นี่คือเหตุการณ์ที่ทำให้พวกเขารู้ซึ้งถึงคุณค่าของคำว่า "เพื่อน" "มิตรภาพ" และ "ความสามัคคี"
จิ๊ดริด
นกพิราบสื่อสารแห่งกองทัพกรุงศรีอยุธยา คู่หูตัวป่วนของก้านกล้วย ในภาคนี้ยังคงเอกลักษณ์ของการเป็นนกช่างจ้อ ตลก ติงต๊อง และชอบโวยวาย เขาใกล้ชิดกับก้านกล้วยมาตั้งแต่เด็กและถึงแม้ก้านกล้วยจะโตเป็นผู้ใหญ่มี ครอบครัวของตัวเอง แต่เขาก็ยังไม่เลิกทำตัวเป็นพี่เลี้ยง ที่คอยให้คำปรึกษาและช่วยเหลือก้านกล้วยในทุกๆเรื่อง
งานิล
ช้างขุนศึกแห่งกรุงหงสาวดี ผู้สืบสายเลือดมาจากงวงแดงหรือพลายพัธกอในภาคที่แล้ว มีลักษณะโดดเด่นที่ร่างกายสูงใหญ่ล่ำสัน เป็นเสมือนอาวุธสงครามที่ร้ายแรงที่สุด นอกจากพละกำลังอันมหาศาลแล้ว งา นิลยังมีพลังพิเศษจากอาคมและอักขระโบราณที่สักไว้ ในยามปกติ อักขระเหล่านั้นจะซ่อนอยู่ แต่เมื่อใดที่โกรธจัด มันจะแดงวาบขึ้นอย่างน่าสะพรึงกลัว
พระสุพรรณกัลยา
พระ พี่นางในสมเด็จพระนเรศวร ผู้ทรงสละพระองค์เป็นตัวประกันของหงสาวดีแลกเปลี่ยนให้ พระนเรศวรเสด็จกลับสู่กรุงศรีอยุธยา จนสามารถกอบกู้เอกราชคืนจากหงสาวดีได้สำเร็จ หลังจากถวายตัวให้แก่พระเจ้าหงสาวดีและทรงให้กำเนิดพระโอรส พระองค์ก็ประทับอยู่ที่นั่นตลอดพระชนม์ชีพ พระองค์ทรงกระทำวีรกรรมอันยิ่งใหญ่เท่าที่สตรีผู้หนึ่งจะกระทำให้แก่แผ่นดิน เพราะเหตุนี้เองพระองค์จึงทรงได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในวีรสตรี ที่คนไทยไม่อาจลืมเลือน
พระเจ้าหงสาวดี
พระบิดาของพระมหาอุปราชาแห่งหงสาวดี ผู้เต็มไปด้วยความเคียดแค้นซึ่งโศกเศร้าที่ต้องสูญเสียพระราชโอรสไปในสงคราม ยุทธหัตถี ความเกลียดชังที่มีต่อกรุงศรีอยุธยา ทำให้พระองค์รับสั่งให้จัดเตรียมทัพและอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมหาศาล ด้วยหวังที่จะยกกองทัพไปบดขยี้กรุงศรีอยุธยาให้หายแค้นในวันข้างหน้า
อองสา
มหาอำมาตย์แห่งหงสาวดี ผู้มีจิตใจเต็มไปด้วยความชั่วร้าย นอกจากจะเป็นผู้กุมกำลังทางทหารของหงสาวดี และผู้สร้าง งานิล ให้เป็นอาวุธร้ายแรงที่สุดแล้ว อองสายังเป็นเจ้าแห่งคาถาอาคม มีเวทย์มนตร์ปลุกภูตผีวิญญาณและมีควันพิเศษ ที่ใช้ควบคุมทั้งคนและสัตว์เขาคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดใน ก้านกล้วย 2
สามทหารเสือ
สามทหารเอกของสมเด็จพระนเรศวร ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจพิเศษ ในการนำ พระสุพรรณกัลยาออกจากกรุงหงสาวดีให้ทันก่อนที่ทัพอยุธยาจะเคลื่อนไปถึง ทั้งสามเป็น ยอดนักรบ มีทั้งชั้นเชิงการต่อสู้ที่ดีเยี่ยม พร้อมด้วยพละกำลัง สติปัญญา และความกล้าหาญ ที่ผ่านมา ไม่เคยทำภารกิจใดผิดพลาดแม้แต่ครั้งเดียว
บริษัทผู้สร้าง กันตนา แอนนิเมชั่น สตูดิโอ
กันตนา แอนนิเมชั่น ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2530 โดยร่วมงานกับค่ายแอนนิเมชั่นยักษ์ใหญ่แห่งประเทศญี่ปุ่น ผลิตผลงานมากมายที่สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก ต่อมา กันตนา แอนนิเมชั่น ได้นำ 3D แอนนิเมชั่นเข้าสู่วงการโฆษณาและภาพยนตร์เข้ามาใช้จนเป็นที่รู้จัก อย่างกว้างขวาง ในฐานะผู้สร้างงานคอมพิวเตอร์กราฟิกชั้นนำของไทย หลังจากนั้น กันตนา แอนนิเมชั่น มีโครงการสร้างภาพยนตร์แอนนิเมชั่นของตนเอง "ก้านกล้วย" โดยระหว่างนั้นได้นำร่องด้วยแอนนิเมชั่นซีรีส์ชุด "ซน 100%" เมื่อ "ก้านกล้วย" เสร็จสมบูรณ์และออกฉายในปี 2549 ก็เป็นผลงานที่จุดกระแสความนิยมของแอนนิเมชั่นไทย ด้วยความสำเร็จอย่างล้นหลามทั้งจากรายได้และรางวัลในระดับประเทศและนานาชาติ จากความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้ จึงได้มีการสร้างแอนนิเมชั่นซีรีส์ชุด "ก้านกล้วยผจญภัย" ออกมาแทนความคิดถึงตามเสียงเรียกร้อง มีนาคม 2552 นี้ "ก้านกล้วย" จะกลับมาสานต่อเรื่องราวของช้างผู้กล้าหาญที่เคยสร้างความประทับใจให้กับผู้ ชมทุกเพศทุกวัย มาคราวนี้จะยิ่งใหญ่อลังการ สนุกสนานและประทับใจยิ่งกว่า